Check-in "บริษัทของคุณกำลังช่วยหรือทำร้ายสุขภาพจิตของพนักงานกันแน่ ?"
ข้อมูลในเดือนพฤษภาคม ทำให้เห็นว่า 30% ของพนักงานที่ตอบแบบสํารวจจาก 1,405 คน กล่าวว่า งานทําให้พวกเขารู้สึกเครียด 26% รู้สึกหนักใจกับงานของพวกเขา และ 22% รู้สึกไม่ชอบงานของพวกเขาเอาเสียเลย
Daroon Jalil นักวิจัยอาวุโสของ SHRM ซึ่งเป็นผู้นําโครงการริเริ่มการวิจัยด้านสุขภาพจิต ได้ชี้ให้เห็นว่า อารมณ์ด้านลบนั้นมีความสําคัญมากกว่าอารมณ์ด้านบวก และเป็นเรื่องยากที่จะปล่อยวางในกลุ่มของพนักงาน ดังนั้น เมื่อพนักงานกําลังเผชิญกับอารมณ์ด้านลบเหล่านี้ มันคือเรื่องน่ากังวลที่จะนําไปสู่ผลเสียระยะยาวต่อพนักงานและองค์กร
ปัจจัยที่ทําให้เกิดความเครียดของพนักงาน ได้แก่
1. ปริมาณงาน (64% ของผู้ตอบแบบสอบถาม)
2. ค่าตอบแทน (57%)
3. ลักษณะงานของพวกเขา (48%)
4. ภาวะความเป็นผู้นํา หรือการจัดการที่ไม่ดี (46%)
5. มีพนักงานไม่เพียงพอ (42%)
6. ขาดการยอมรับในการทํางาน (38%)
นักวิจัยของ SHRM ให้ความเห็นว่า 'หัวหน้างานที่มีผลกระทบเชิงบวกต่อสุขภาพจิตของพนักงาน พนักงานคนนั้นมีแนวโน้มที่จะเชื่อมั่นในองค์กรของตน เป็นสองเท่า'
Jen Mahone Rightler ผู้นําด้านทรัพยากรบุคคลและการไม่แบ่งแยก ความเท่าเทียม และความหลากหลาย กล่าวว่า 'งานที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตของพนักงาน สามารถทําลายประสิทธิภาพการทํางานขององค์กร และชีวิตส่วนตัว'
สัญญาณอันตรายที่บ่งบอกถึงวัฒนธรรมที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ได้แก่
1. ค่านิยมขององค์กร (Core Values) ไม่ได้ถูกกําหนดไว้อย่างชัดเจน
2. หัวหน้างาน/ผู้จัดการไม่ปฏิบัติตามค่านิยมขององค์กร
3. พนักงานลาออกในอัตราที่สูง
4. การนินทาไปทั่วองค์กร
5. พนักงานมักจะมาสายหรือขาดงาน
6. พนักงานไม่ค่อยได้พักกลางวัน
7. บริษัทมีการรีวิวที่ไม่ดี
แล้วจะทำอย่างไรดีล่ะ หากองค์กรของคุณกำลังอยู่ในสัญญาณอันตราย?
สุขภาพจิตของพนักงาน ต้องการความไว้วางใจและความเคารพจากองค์กร
วัฒนธรรมบริษัทที่ดีมีความสําคัญในการสนับสนุนสุขภาพจิตของพนักงาน การสร้างสภาพแวดล้อมแห่งความไว้วางใจ ความเคารพ และการสื่อสารแบบเปิดกว้าง สามารถสร้างพื้นที่ปลอดภัยสําหรับพนักงานในการพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขากำลังเผชิญได้ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกตัดสินหรือเลือกปฏิบัติ
แนวทางที่บริษัทสามารถสนับสนุนสุขภาพจิตของพนักงานได้ดีขึ้น ได้แก่
1. สร้างวัฒนธรรมของการเป็นผู้นํา โดยเน้นการให้ความสำคัญกับคน
2. ผสมผสานการฝึกสมาธิเข้ากับการจัดอบรมให้กับคนทุกระดับในองค์กร
3. การเอาใจเขามาใส่ใจเรา เข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น โดยปราศจากการตัดสิน
4. ให้คำแนะแนะ การช่วยเหลือ และสนับสนุน โดยไม่ต้องรอการร้องขอ
5. ปรับปรุงองค์กรให้มีพนักงานที่มีความแตกต่างหลากหลาย สามารถเพิ่มความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานได้
ดังนั้น เป็นเรื่องสำคัญที่องค์กรต้องให้ความสำคัญและหมั่นตรวจสอบสุขภาพจิตของคนในองค์กร และให้การสนับสนุน ช่วยเหลือ พนักงานได้อย่างตรงจุดเพื่อให้องค์กรนั้นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความสุข